กล่าวว่า “สภาวิชาชีพบัญชีได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่เดือดร้อนถูกปลอมแปลงการลงลายมือชื่อ ดังนั้น ในฐานะนายกสภาวิชาชีพบัญชีจึงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือสมาชิกและป้องกันการปลอมแปลงการลงลายมือชื่อเนื่องจากการปลอมแปลงการลงลายมือชื่อเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และผิดจรรยาบรรณสภาวิชาชีพบัญชีได้นำข้อมูลและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าโดยสภาวิชาชีพบัญชีอยู่ระหว่างพัฒนาระบบงานให้สมาชิกเข้ามาตรวจสอบข้อมูลการแจ้งการลงลายมือชื่องบการเงินที่ไม่ตรงกับงบการเงินที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2565 เพื่อให้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้เข้ามาตรวจสอบผ่านระบบ ซึ่งหากพบข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจะได้แก้ไขติดตามได้อย่างรวดเร็ว และหากพบเหตุการณ์ปลอมแปลงลายมือชื่อ ผู้เสียหายสามารถเริ่มดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ประพฤติมิชอบได้ทันที”
“การแอบอ้างใช้ชื่อผู้สอบบัญชี หรือการปลอมลายมือชื่อ เพื่อลงนามในรายงานของผู้สอบบัญชีมีความผิดทางกฎหมาย ทั้ง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสภาวิชาชีพบัญชี จะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูลและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อวิชาชีพบัญชีและต่อธุรกิจ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือภาคธุรกิจตรวจสอบข้อมูลที่กรอกในแบบ ส.บช.3 ข้อมูลงบการเงิน หมายเหตุประกอบงบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่แนบด้วยทุกครั้ง และภายหลังจากยื่นงบการเงินแล้ว นิติบุคคลสามารถตรวจสอบผลการยื่นผ่านเมนู ‘ประวัติการนำส่งและ พิมพ์แบบ/เอกสาร’ โดยสามารถเรียกดูเอกสารที่ยื่น ตลอดจนพิมพ์แบบนำส่งไว้เป็นหลักฐาน” อธิบดีฯ และนายกสภาฯ กล่าวทิ้งท้ายร่วมกัน
อ่านในรูปแบบ PDF Click
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองกำกับบัญชีธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โทรศัพท์ 0 2547 4407 กองข้อมูลธุรกิจ (DBD e-Filing) โทรศัพท์ 0 2547 4385, 0 2547 4390-1
และสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ โทรศัพท์ 0 2685 2500 ต่อ 2553, 2563 และ 2598
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์