ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา แสดงความกังวลต่อแรงกดดันให้ผู้สอบบัญชีลดค่าบริการสอบบัญชีให้ต่ำลงจะนำไปสู่การตรวจสอบที่แย่ลง ทั้งนี้ในกรณีที่ค่าบริการสอบบัญชีขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า ค่าบริการสอบบัญชีไม่ควรจะผันแปรไปตามสภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากแท้ที่จริงแล้วหากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้สอบบัญชีควรจะให้เวลาต่อการปฏิบัติงานสอบบัญชีให้มากกว่าเดิม
เมื่อมีวิกฤตการทางการเงินเกิดขึ้น โดยปกติกิจการต่างๆ มักจะขอลดราคากับผู้ขายสินค้าและบริการ และเป็นสิ่งที่น่าตกใจที่กิจการใช้เกณฑ์เดียวกันนี้กับค่าบริการสอบบัญชีด้วยเช่นกัน
สำหรับกิจการที่ตัดสินใจเปลี่ยนผู้สอบบัญชีใหม่ กิจการก็มักจะได้รับส่วนลดค่าสอบบัญชีจากการที่เป็นลูกค้าในปีแรก อย่างไรก็ตามกิจการควรคำนึงด้วยว่าค่าสอบบัญชีที่ลดลงนั้น ไม่ใช่สิ่งจูงใจพื้นฐานที่กิจการใช้เป็นเกณฑ์ในการเปลี่ยนผู้สอบบัญชี
ในด้านของผู้สอบบัญชีก็มักจะเสนอราคาบริการสอบบัญชีในอัตราที่ต่ำสำหรับลูกค้าปีแรก เพื่อมุ่งหมายจะได้ลูกค้ารายนั้น โดยจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยในสหรัฐสองแห่งพบว่ากิจการในสหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนผู้สอบบัญชีจากสำนักงาน Big 4 ไปเป็นสำนักงานที่ไม่ใช่ Big 4 ค่าสอบบัญชีจะลดลงจากเดิมโดยเฉลี่ย 62% แต่หากเปลี่ยนผู้สอบบัญชีจากสำนักงาน Big 4 ไปเป็นสำนักงาน Big 4 อื่นๆ ค่าสอบบัญชีจะลดลงประมาณ 38%
ก.ล.ต. สหรัฐฯ ยังได้ยินมาในหลายกรณีว่า คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียนบางราย (Audit Committee) เสาะแสวงหาค่าสอบบัญชีที่ต่ำลง คณะกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีกลับขอให้ผู้สอบบัญชีรายใหม่ที่เข้ามารับงานคิดค่าบริการในอัตราที่ลดต่ำลง อาจจะเป็นเรื่องของความไม่เหมาะสมกับเนื้อหาของงานตรวจสอบ นอกจากนั้นคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทจดทะเบียน อาจจะมีประเด็น
ทางข้อกฎหมายในกรณีที่ค่าสอบบัญชีที่ลดลงและเกิดข้อผิดพลาดที่มีสาระสำคัญในงบการเงิน ผู้ถือหุ้นและหน่วยงานกำกับดูแลจึงมีความกังวลว่าคณะกรรมการบริษัทอาจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่อง fiduciary ของตน
การตัดลดราคาค่าบริการสอบบัญชี จึงเป็นแรงกดดันสำคัญต่อการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชี
ที่มา: http://blogs.wsj.com/cfo/2014/02/24/sec-grows-suspicious-of-declining-auditor-fees/
โดย ฝ่ายพัฒนาและกำกับดูแลคุณภาพผู้สอบบัญชี สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์