เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2559 สภาวิชาชีพบัญชีจัดงานประชุม FAP International Conference 2016 ในหัวข้อ Digital Economy: Impact on Accounting Professions ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด ซึ่งเป็นงานประชุมระดับนานาชาติ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 400 คน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติกว่า 10 ประเทศ ผู้เข้าร่วมงานได้รับฟังข้อมูลเรื่อง Digital Economy ของประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN รวมถึงของประเทศไทย และการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบวิชาชีพไทยในการรองรับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี โดยสภาวิชาชีพบัญชีจะได้สรุปและเผยแพร่เนื้อหาการบรรยายและเสวนาในหัวข้อต่างๆ ให้สมาชิกรับทราบทางช่องทางต่างๆ ของสภาวิชาชีพบัญชีต่อไป
ในงานครั้งนี้สภาวิชาชีพบัญชีได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้ความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมงาน ตั้งแต่การลงทะเบียน การถามคำถามวิทยากรในระหว่างการสัมมนา การสำรวจความคิดเห็นแบบ real-time และการให้ความเห็นหลังจบงาน ผ่าน Application FAP 2016 นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนารูปแบบของการอบรมสัมมนาเข้าสู่ยุคดิจิตัล
หลังจากงานประชุมแล้ว สภาวิชาชีพบัญชีและ AFA ร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงรับรองต้อนรับสมาชิกของ AFA สู่ประเทศไทยอย่างอบอุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุม AFA Council Meeting ครั้งที่ 123 ในวันเสาร์ที่ 22ตุลาคม 2559 ที่สภาวิชาชีพบัญชีในฐานะองค์กรวิชาชีพของประเทศไทย และเป็นสมาชิกของ ASEAN Federation of Accountants (AFA) เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น
การประชุม AFA Council Meeting ครั้งที่ 123 นี้ จัดขึ้นที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ดโดยมีคุณประสัณห์ เชื้อพานิช นายกสภาวิชาชีพบัญชี รศ.ดร.วิรัช อภิเมธีธำรงค์ ประธานคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีด้านการศึกษาและเทคโนโลยีการบัญชี คุณมณีรัตน์ ศรีเสาวชาติ ผู้อำนวยการ คุณบุญเลิศ กมลชนกกุล ประธานคณะอนุกรรมการด้านงานต่างประเทศ และดร.จุฬารัตน์ จิตไพศาลวัฒนา นักวิชาการด้านต่างประเทศ พร้อมด้วยนักวิชาการของสภาวิชาชีพบัญชี คุณอุดม ธนูรัตน์พงศ์ คุณรุณีย์ ผลาขจรศักดิ์ และคุณวีระเดช เตชะวรินทร์เลิศ เข้าร่วมประชุม โดยในการประชุมได้มีการจัด Working Committee 2 กลุ่ม กลุ่มแรกดำเนินการจัดตั้ง ASEAN Accounting Standard Group เพื่อสร้างความเข้มแข็งและยกระดับสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับให้มีการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ (International Financial Reporting Standards: IFRS) และมาตรฐานการสอบบัญชีระหว่างประเทศ (International Standards on Auditing: ISA) มาใช้ปฏิบัติ และกลุ่มที่สองดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนา SMP และ SMEs ของสมาชิกอาเซียนร่วมกัน โดยได้อนุมัติเงินทุนสำหรับการทำวิจัยในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประชาสัมพันธ์ให้นำเสนอผลงานวิจัยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่หนึ่งร่วมกับสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน และกัมพูชา
“สภาวิชาชีพบัญชีขอขอบพระคุณคณะกรรมการ ผู้บริหาร วิทยากร และผู้สนุบสนุนทุกท่านที่ทำการประชุมครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมงานทุกท่านจะได้รับความรู้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตต่อไป”