การจ่ายเงินปันผล :
กรณีการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ
บริษัทฯ มีผลขาดทุนสะสมยกมาต้นปี 58 เป็นจำนวนเงิน 100 บาท
ปี 58 มีผลกำไรสุทธิหลังภาษี เป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท
สิ้นปี 58 บริษัท มีผลกำไรสะสมยกไป เป็นจำนวนเงิน 900 บาท
กรณีดังกล่าว จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงสุดเท่าใด และการกันเงินกำไรสะสม สำรองตามกฎหมายไม่น้อยกว่า 5% จากยอดกำไรสุทธิ ปี 58 หรือ จากยอดกำไรสะสม ณ วันสิ้นปี58 (เนื่องจากผลประกอบการสะสมที่ผ่านมาเป็นขาดทุนสะสม)
กรณีที่กันเงินสำรองตามกฎหมายจากกำไรสุทธิในปีที่จ่ายเงินปันผล ไว้ไม่น้อยกว่า 5% สะสมไว้ จนเงินสำรองตามกฎหมายถึง 10% ของทุนจดทะเบียน หรือของทุนรับชำระแล้ว
(คำถามประจำเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2559)
ตามที่ท่านถามมาน่าจะเป็นการจ่ายปันผลของบริษัทจำกัดใช่หรือไม่
ถ้าใช่ ให้เป็นไปตามมาตรา 1200-1205 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โดยตามมาตรา 1201 ห้ามมิให้ประกาศอนุญาตเงินปันผล นอกจากโดยมติของที่ประชุมใหญ่ กรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น ได้เป็นครั้งเป็นคราว
ในเมื่อปรากฏแก่กรรมการว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้น
ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไร ถ้าหากบริษัทขาดทุน ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุนเช่นนั้น
มาตรา 1202 ทุกคราวที่แจกเงินปันผล บริษัทต้องจัดสรรเงินไว้เป็นทุน สำรองอย่างน้อยหนึ่งในยี่สิบส่วนของจำนวนผลกำไร ซึ่งบริษัททำมาหาได้จาก กิจการของบริษัท จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมีจำนวนถึงหนึ่งในสิบของจำนวนทุน ของบริษัทหรือมากกว่านั้น แล้วแต่จะได้
ตกลงกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท (ที่มา : ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)
ดังนั้น จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในมาตราดังกล่าว ให้จ่ายเงินปันผลได้เฉพาะส่วนของกำไรเท่านั้น คือ 900 บาท เนื่องจากห้ามมิให้จ่ายเงินปันผลจนกว่าจะได้แก้ไขให้หายขาดทุน และการกันสำรองให้กันจากเฉพาะส่วนของกำไรที่ทำมาหาได้สุทธิจากขาดทุนสะสม คือไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของเงิน 900 บาท ที่จะประกาศจ่ายปันผล (กันมากกว่าได้)และเพดานของสำรองตามกฎหมายคำนวณจากทุนของบริษัท ซึ่งทุนของบริษัทตามประมวลฯที่เป็นที่เข้าใจกันคือทุนที่ไปจดทะเบียนกับนายทะเบียน เพราะเรื่องของการเรียกชำระเป็นเรื่องของบริษัทแต่ละบริษัท
ทั้งนี้ขอให้ท่านปรึกษาผู้สอบบัญชีของบริษัทอีกครั้งเนื่องจากได้รับข้อมูลและเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนกว่า และผู้สอบบัญชีเป็นผู้ที่เข้าใจในธุรกิจของท่าน