การบันทึกบัญชีทั่วไป :
บริษัทได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่าก่อสร้าง 550 ล้านบาท และกู้ยืมเงินกับธนาคาร 500 ล้านบาท โดยมีดอกเบี้ย 6% มีค่าธรรมเนียมเงินกู้ 3 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างโรงไฟฟ้าโดยตรง
1 มิ.ย. 58 เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า
1 ต.ค. 58 ทำสัญญากู้ยืมเงินจากธนาคาร และจ่ายค่าธรรมเนียมเงินกู้ 3 ล้านบาท
31 ต.ค. 58 รับเงินกู้ยืมจากธนาคาร 300 ล้านบาท
30 พ.ย. 58 รับเงินกู้ยืมจากธนาคาร 200 ล้านบาท
29 ม.ค. 59 โรงไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมขายไฟฟ้า
สอบถามเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมเข้าเป็นต้นทุนโรงไฟฟ้า
บริษัท บันทึกดอกเบี้ยจ่ายตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.59 เป็นค่าใช้จ่าย สิ้นสุดเมื่อจ่ายชำระเงินกู้ธนาคารครบถ้วน
(คำถามเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2559)
ขอเรียนตอบคำถามดังนี้
หากค่าธรรมเนียมดังกล่าวเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องจากการกู้ยืม ถือเป็นต้นทุนทางการเงินอื่นที่สามารถรวมเป็นต้นทุนสินทรัพย์ได้ ตามย่อหน้าที่ 5 ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 23
ดังนั้น หากกิจการพิจารณาตามเงื่อนไข 3 ข้อดังกล่าว แล้ว วันใดที่กิจการได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทุกข้อ กิจการสามารถบันทึกต้นทุนทางการเงินได้ตั้งแต่วันดังกล่าว
การสิ้นสุดการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ให้เป็นไปตามย่อหน้าที่ 22 ของมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 23 เรื่อง ต้นทุนการกู้ยืม หรือย่อหน้าที่ 232 ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ โดยการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ต้องสิ้นสุดลงเมื่อการดำเนินการส่วนใหญ่ที่จำเป็น ในการเตรียมสินทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไขให้อยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์หรือพร้อมที่จะขาย ได้เสร็จสิ้นลง
ดังนั้น กิจการควรหยุดรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นราคาทุนของสินทรัพย์เมื่อโรงไฟฟ้าอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามประสงค์ ต้นทุนการกู้ยืมที่เกิดขึ้นภายหลังจากนั้นให้ถือเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงวด
ทั้งนี้ขอให้ท่านปรึกษาผู้สอบบัญชีของกิจการซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาธุรกิจของกิจการ อีกทั้งผู้สอบบัญชีเป็นผู้ที่สามารถเห็นรายละเอียดของกิจการได้มากกว่า เพื่อให้ได้รับคำตอบที่ถูกต้องและตรงกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น