การบันทึกบัญชีทั่วไป :
เนื่องด้วย นิติบุคคลอาคารชุดฯ เป็นนิติบุคคลฯ ตาม พรบ.อาคารชุดฯ และไม่เป็นองค์กร ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 และ 66 แห่งประมวลรัษฎากร นั้น
โครงการฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด กับสำนักงานที่ดิน จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2558 โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นภาระของเจ้าของโครงการ หลังจากนั้นนิติบุคคลอาคารชุดฯ ไม่มีทั้งรายรับและรายจ่ายใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับนิติบุคคลอาคารชุดฯ ซึ่งโครงการเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2558 นิติบุคคลอาคารชุดฯ ได้ดำเนินการเปิดบัญชีของนิติบุคคลอาคารชุดฯ เพื่อเป็นการเก็บรักษาเงิน และเบิกจ่ายเงิน ค่าส่วนกลาง และค่ากองทุน ตาม มาตรา 18 แห่ง พรบ.อาคารชุดฯ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการฯ
ภายหลัง นิติบุคคลฯ ได้มีการจัดประชุมใหญ่สามัญเจ้าของร่วมฯ ขึ้น และได้แถลงในที่ประชุมใหญ่ว่า เนื่องจากนิติบุคคลอาคารชุดฯ ได้เริ่มเปิดบัญชีและเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 เป็นต้นมา จึงให้ถือว่า รอบปีบัญชีของนิติบุคคลอาคารชุดฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 – 31 กรกฎาคม 2559
เมื่อครบรอบปีบัญชีที่ได้แถลงไว้ในที่ประชุมใหญ่ฯ นิติบุคคลฯ จึงดำเนินการส่งเอกสารเพื่อให้ผู้ตรวจสอบบัญชีดำเนินการต่อไป แต่ผู้ตรวจสอบบัญชีได้แจ้งไว้ว่า จะยึดรอบทางปีบัญชีจาก หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลอาคารชุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เป็นวันเริ่มนับรอบปีทางบัญชี จึงไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบบัญชีที่เกินกว่า 12 รอบเดือนได้
จึงเรียนสอบถามท่าน (ฝ่ายมาตรฐานการบัญชี สภาวิชาชีพบัญชีฯ) ในประเด็นดังต่อไปนี้
จึงเรียนมาเพื่อขอสอบถามและโปรดชี้แนะแนวทาง จักขอบคุณยิ่ง
(คำถามเดือนกันยายน 2559)
ขออนุญาตตอบคำถามท่านทีละข้อดังนี้
พรบ.อาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ.2551 กำหนดในมาตราที่ 23 ดังนี้
มาตรา 23 ให้ เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 38/1 มาตรา 38/2 และมาตรา 38/3 แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 ว่า
“มาตรา 38/1 ให้นิติบุคคลอาคารชุดจัดทำงบดุลอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกรอบสิบสองเดือน โดยให้ถือว่าเป็นรอบปีในทางบัญชีของนิติบุคคลอาคารชุดนั้น"
ในพรบ.ฉบับดังกล่าวมิได้กำหนดให้งบการเงินของนิติบุคคลจัดทำตามปีปฏิทิน เพียงแต่กำหนดให้นิติบุคคลอาคารชุดจัดทำงบดุลอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกรอบปีบัญชีสิบสองเดือน โดยให้ถือว่าเป็นรอบปีในทางบัญชีของนิติบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม รอบปีบัญชีที่กำหนดต้องเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลนั้นๆ ดังนั้นอาจต้องพิจารณาในตัวข้อบังคับของนิติบุคคลว่าได้มีการระบุในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนหรือไม่
ทั้งนี้ขอให้ท่านปรึกษาผู้สอบบัญชีหรือนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือหน่วยงานที่ออกกฎหมายพรบ. นิติบุคคลอาคารชุด ดังกล่าว เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น
พรบ. นิติบุคคลอาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 มาตรา 38/1 วรรค 2
งบดุลตามวรรคหนึ่งต้องมีรายการแสดงจำนวนสินทรัพย์และหนี้สินของนิติบุคคลอาคารชุด กับทั้งบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบ แล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ โดยเจ้าของร่วมภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันสิ้นปีทางบัญชี
ในพรบ. ดังกล่าวมิได้กำหนดให้งบการเงินของนิติบุคคลจัดทำตามปีปฏิทิน เพียงแต่กำหนดให้นิติบุคคลอาคารชุดจัดทำงบดุลอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุกรอบปีบัญชีสิบสองเดือน โดยรอบปีบัญชีต้องเป็นไปตามข้อบังคับของนิติบุคคลนั้น และงบการเงินนั้นต้องมีการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีแล้วนำเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ แต่ทั้งนี้พรบ. ดังกล่าวไม่อนุญาตให้รอบปีบัญชียาวนานเกินกว่า 12 เดือน
ในกรณีดังกล่าว หากต้องการปิดรอบปีบัญชีเป็นวันที่ 1 สิงหาคม - 31 กรกฎาคมของทุกปี ตาม พรบ. นิติบุคคลอาคารชุด ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 มาตรา 36 กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการนิติบุคคลมีหน้าที่จัดให้มีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือน และติดประกาศให้เจ้าของร่วมทราบภายใน 15 วันนับแต่วันสิ้นเดือน และต้องติดประกาศเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันต่อเนื่องกัน
ดังนั้นนิติบุคคลต้องมีหน้าที่จัดให้มีการทำบัญชี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนนิติบุคคล (10 มิถุนายน 2558) จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 เป็นรอบบัญชีแรก (ไม่เต็มปี) เพื่อให้รายการรับและจ่ายของรอบตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2558 ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้เนื่องจากพรบ.ฉบับดังกล่าวไม่อนุญาตให้รอบปีบัญชียาวนานกว่าสิบสองเดือน
หลังจากนั้น จึงดำเนินการปิดรอบปีบัญชีเป็นวันที่ 1 สิงหาคม - 31 กรกฎาคมของทุกปี ตามที่ข้อบังคับกำหนด หากนิติบุคคลไม่ได้จัดให้มีการจัดทำบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีต้องปรึกษานักกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่านิติบุคคลดังกล่าวปฏิบัติไม่เป็นไปตามพรบ. นิติบุคคลอาคารชุดหรือไม่ หากนักกฎหมายพิจารณาแล้วว่านิติบุคคลอาคารชุดปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชีต้องพิจารณาตามข้อกำหนดของมาตรฐานการสอบบัญชี รหัส 250 เพื่อพิจารณาว่าประเด็นดังกล่าวมีผลกระทบต่อการแสดงความเห็นในรายงานสอบบัญชีหรือไม่
ทั้งนี้ขอให้ท่านปรึกษาผู้สอบบัญชีของนิติบุคคลท่านอีกครั้งและนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของท่าน และมีข้อมูลที่ครบถ้วนมากกว่า