เงินบริจาคความต่างของบัญชีและภาษีที่เป็นคุณ

เงินบริจาคความต่างของบัญชีและภาษีที่เป็นคุณ

            นักบัญชีทุกท่านทราบเป็นอย่างดีว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลต้องมีการจัดทำบัญชีตามมาตรฐานบัญชีเมื่อได้กำไรสุทธิทางบัญชีแล้ว ในการจะนำกำไรสุทธิมาคำนวณภาษีจะต้องมีการปรับปรุงให้เป็นกำไรสุทธิตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายภาษีก่อน ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวนี้ เกิดจากความแตกต่างของมาตรฐานการบัญชีและภาษีในการรับรู้รายได้และรายจ่าย โดยหลัก ๆ ของความต่างดังกล่าวเกิดจาก


            ในที่นี้จะกล่าวถึงความต่างในข้อที่ 4 เป็นรายจ่ายที่หักเป็นรายจ่ายทางภาษีได้มากกว่าที่จ่ายจริงซึ่งในทางบัญชีจะรับรู้รายจ่ายตามหลักฐานการจ่ายจริงเพียงเท่านั้น ในทางภาษีจึงต้องทำการปรับปรุงกำไรสุทธิทางภาษีโดยการหักรายจ่ายเพิ่มตามที่กฎหมายภาษีอนุญาต รายจ่ายในทางภาษีที่หักได้มากกว่าหนึ่งเท่าของที่จ่ายจริงมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงระยะเวลาที่ภาครัฐจะมีมาตรการให้มีการจ่ายเงินประเภทใดก็จะมีกฎหมายให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีโดยให้หักรายจ่ายได้มากกว่าจ่ายจริงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

            สำหรับรายจ่ายการบริจาคเพื่อการศึกษานั้นกรมสรรพากรมีการออกพระราชกฤษฎีกาให้หักเป็นรายจ่ายได้สองเท่ามาเป็นระยะ ๆ ในเดือนกันยายน 2563 ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 713) พ.ศ. 2563 บัญญัติให้การบริจาคเพื่อการศึกษาของนิติบุคคลสามารถหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าสำหรับการบริจาคในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564 และการบริจาคต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้

  1. ต้องบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็คทรอนิกส์ (e-Donation)
  2. สถานศึกษาที่บริจาคต้องเป็นสถานศึกษาเหล่านี้เท่านั้น
    (ก) สถานศึกษาของรัฐ
    (ข) โรงเรียนเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
    (ค) สถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 
    (ง) สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
  3. นำรายจ่ายบริจาคเพื่อการศึกษานี้รวมกับเงินบริจาคเพื่อสาธารณกุศลการศึกษา การกีฬาตามหักรายจ่ายทางภาษีอื่น ๆ แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย เพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามกฎหมายภาษี

            นอกจากการให้หักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าในด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้วเพื่อเป็นการจูงใจให้มีการสนับสนุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจึงบัญญัติให้ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์สำหรับการบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาในกรณีดังกล่าวอีกด้วย

แนวปฎิบัติที่นักบัญชีควรทราบ
            เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 กรมสรรพากรได้มีการออกประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ฉบับที่ 24 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดให้การบริจาคเป็นทรัพย์สินหรือสินค้าของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ดังนี้

  1. กรณีที่ซื้อทรัพย์สินมาเพื่อบริจาค ต้องมีหลักฐานการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ระบุจำนวนและมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินนั้นโดยให้ถือว่ามูลค่าตามหลักฐานดังกล่าวเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค
  2. กรณีที่นำทรัพย์สินที่ได้บันทึกบัญชีทรัพย์สินนั้นมาบริจาคให้ถือเอามูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือจากการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินเป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาค
  3. กรณีที่นำสินค้ามาบริจาค ไม่ว่าเป็นสินค้าที่ผลิตเอง หรือซื้อมาเพื่อขาย ให้ถือเอามูลค่าต้นทุนของสินค้าดังกล่าวที่มีเอกสารหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ เป็นมูลค่าของรายจ่ายที่บริจาคแต่มูลค่าดังกล่าวต้องไม่เกินราคาสินค้าคงเหลือยกมาตามมาตรา 65 ทวิ (6) แห่งประมวลรัษฎากร (4) มูลค่าของทรัพย์สินหรือสินค้าที่ซื้อมาเพื่อบริจาคนั้น จะต้องมีจำนวนไม่เกินราคาที่พึงซื้อได้โดยปกติ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ตรี (15)แห่งประมวลรัษฎากร
นักบัญชีต้องใช้สิทธิหักรายจ่ายสองเท่าสำหรับมูลค่าการนำสินค้าหรือทรัพย์สินของบริษัทไปบริจาคตามแนวข้างต้นควรแจ้งให้ผู้รับบริจาคได้ดำเนินการในระบบ e-Donation ให้มีมูลค่าตรงตามเกณฑ์นี้ อนึ่งประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับที่ 24 อนุญาตให้ใช้ข้อมูลการบริจาคที่ปรากฏในระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักฐานประกอบการใช้สิทธิโดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานการบริจาค
            การบริจาคได้สิทธิหักรายจ่ายสองเท่าจึงเป็นความต่างของบัญชีและภาษีที่เป็นคุณ อย่างไรก็ตามให้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย หากผิดพลาดไปอาจต้องชำระภาษีเพิ่มพร้อมเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

โดย นางชลลดา ฟูวัฒนศิลป์
กรรมการในคณะกรรมการวิชาชีพบัญชีด้านการบัญชีภาษีอากร



โพสต์เมื่อ :
8 ม.ค. 2564 11:35:23
 18429
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์